ไร้สาระที่สุด "พลังดึงดูดแห่งจักรวาล" แต่ถ้าคุณรู้วิธีใช้คุณจะรู้ว่ามัน "ไม่ไร้สาระเลย"

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า "พลังดึงดูดแห่งจักรวาล" เมื่อก่อนผมก็ไม่เชื่อนะว่ามันมีจริง ผมคิดเลยว่ามันเป็นเรื่องที่ "ไร้สาระที่สุด" แค่คิดว่าจะสำเร็จแล้วมันก็จะสำเร็จมันจะเป็นไปได้อย่างไร อย่างนี้คนทั้งโลกไม่ต้องทำอะไรแค่นอนคิดก็สำเร็จหมดทุกคนแล้วสิ จริงไหม

 

วิธีใช้พลังจักรวาลคือ เริ่มต้น คุณต้องคิดถึงสิ่งที่คุณอยากจะได้ และ มีโอกาสที่สามารถทำได้ด้วยนะ ไม่ใช่คิดว่าอยากจะเป็นซุปเปอร์แมน หรือไม่ใช่ว่ามีคุณพ่อเป็นเกษตรกรแล้วคิดว่าโตขึ้นอยากจะเป็นเกษตรกรเหมือนคุณพ่อ อันนั้นไม่ต้องคิดก็ไม่โอกาสเป็นสูงอยู่แล้ว

 

แต่ให้คุณคิดให้ไกลที่สุด เอาแบบชนิดที่ว่าเกือบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ขอให้อยู่ในโฟกัสที่มีความเป็นไปได้เช่น คุณอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 1 อายุ 14 ปี คุณมีพ่อเป็นเกษตรกรทำไร่ทำสวน แต่คุณอยากเป็นนายตำรวจ อยากมียศฐาบรรดาศักดิ์ ให้คุณเริ่มตั้งจิตคิดว่าคุณอยากจะเป็นนายตำรวจด้วยจิตที่มุ่งมั่น แล้วไงละ มันก็จะได้เป็นเลยหรือ ไม่ใช่ครับ เมื่อคุณมีความคิดที่มุ่งมั่นตั้งใจจริง ระบบสมองของคุณจะพยายามประมวลผลว่าคุณต้องทำอย่างไรคุณจึงจะได้เป็นนายตำรวจ แน่นอนคุณก็จะเริ่มพาตัวเองเขาไปอยู่ในเส้นทางของนายตำรวจเช่น อ่านหนังสือคู่มือเตรียมสอบ เตรียมฝึกซ้อมร่างกายให้แข็งแรง เตรียมหาข้อมูลว่าต้องมีคุณสมบัติอย่างไรจึงจะสอบนายตำรวจได้ และเมื่อถึงวันที่เปิดให้สอบ แน่นอนว่าถ้าจิตของคุณมีความมุ่งมั่นพอ คุณจะเตรียมตัวทุกอย่างมาอย่างดี และโอกาสที่คุณจะได้เป็นนักเรียนเตรียมทหารเพื่อก้าวหน้าต่อไปเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ จนกระทั่งจบออกมาได้ติดยศนายตำรวจอย่างแท้จริงก็จะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก

 

แต่คุณลองคิดใหม่นะครับว่า ถ้าคุณพ่อคุณอยากให้คุณเป็นนายตำรวจ แต่จิตของคุณไม่มีความมุ่งมั่น ระบบสมองของคุณก็จะประมวลผลว่า คุณทำไม่ได้หรอก มันยากนะ คนสอบตั้งเยอะ 100 เอาแค่ 1 คน เสียเวลาเปล่าๆ สุดท้ายเมื่อสมองบอกแบบนั้น คุณก็จะไม่พยายามแสวงหาโอกาสที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จ

 

นี่แหละครับคือ พลังดึงดูดแห่งจักรวาลที่แท้จริง ผมผ่านจุดนั้นมาแล้ว ผมเคยสมัครเข้าเรียน บริหารธุรกิจ แต่คุณพ่อไม่อนุญาต ท่านบอกให้ผมเรียนเป็นนักกฎหมายได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ตอนนั้นผมบอกเลยว่าเป้าหมายชัดเจนของผมคือ อะไรก็ได้ที่ทำให้ผมจบปริญญาตรี และเมื่อคุณพ่อบัญชามาผมจึงสมัครเข้าเรียนนิติศาสตร์บัณฑิต คุณเชื่อไหมว่าผมเป็นคนหัวไม่ดี ความจำก็ไม่ดี วันแรกที่เข้าไปเรียนผมคิดในใจว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่ เรียนแล้วจะไปทำงานอะไร สุดท้ายผมโฟกัสไปที่การอยากเป็นผู้พิพากษาเพราะเงินเดือนเยอะดี ตั้งแต่ปี 1 เทอม 1 เมื่อผมโฟกัสไปที่คำว่า ผู้พิพากษา ผมก็ตั้งใจเรียนในสิ่งที่ผมไม่ได้เลือกและไม่ชอบเลย แต่ผมสามารถเรียนจนจบในระยะเวลา 3 ปีครึ่ง และได้ดีกรี เกียรตินิยม ติดตัวมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่สุดท้ายผมก็เป็นได้แค่ ทนายความ เพราะผมพิการใส่ขาเทียมซึ่งไม่สามารถสมัครสอบเป็นผู้พิพากษาได้

 

หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วทำไมผมไม่เช็คให้แน่นอนตั้งแต่ทีแรก ผมเคยถามท่านอาจารย์ซึ่งเป็นผู้พิพากษาท่านบอกว่าผมตัวใหญ่ นั่งบัลลังค์ก็สง่างาม ท่านไม่อยากให้เราท้อครับ เพราะชีวิตไม่ได้มีเพียงคำว่าผู้พิพากษาเท่านั้น หากวันนั้นท่านทำลายเป้าหมายของเราทิ้ง อย่าว่าแต่เกียรตินิยมเลย แค่เรียนให้จบก็ยังไม่ทราบว่าจะทำได้หรือเปล่า

 

มาถึงวันนี้ผมได้ประโยชน์หลายสิ่งหลายอย่างจากการเรียน จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ขอบพระคุณอาจารย์ท่านนั้นที่ทำให้ พลังดึงดูดแห่งจักรวาล ของเราเป็นจริง แม้จะไม่สามารถไปยืนอยู่ในตำแหน่งที่เราใฝ่ฝันไว้ได้ แต่หากเราฝันไกลไปถึงดวงจันทร์ อย่างน้อยแม้เราผิดพลาดและไปไม่ถึงแต่เราก็ยังอยู่ท่ามกลางดวงดาวนะครับ

 

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ได้มีพลังดึงดูดแห่งจักรวาลเป็นของตนเอง