ควอนตัมฟิสิกส์อธิบายความจริงของดวงชะตา เปลี่ยนชีวิตได้โดยไม่พึ่งสิ่งศักสิทธิ์เครื่องรางของขลัง (ฮวงจุ้ยควอนตัม)



เป้าหมายของบทความนี้เขียนขึ้นเพื่อเปิดเผยความลับของศาสตร์ฮวงจุ้ย(แปลว่า ลม-น้ำ)ที่สืบทอดมาหลายพันปีจากประเทศจีน โดยในประเทศอื่นก็มีศาสตร์ที่มีแนวคิดคล้ายกันเพียงแต่เรียกต่างกัน เช่น วาสตุของอินเดีย

แก่นแท้ของฮวงจุ้ยเป็นการศึกษาและปรับตัวคนให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมอย่างธรรมชาติเพื่อทำให้เกิดการประสานกัน ระหว่างคน ฟ้า(จักรวาล) ดิน(โลก)

สำหรับคนที่ยังไม่เคยศึกษาทฤษฏีควอนตัมอาจจะงงแล้วเมื่ออ่านตรงนี้ ผมแนะนำให้ศึกษาทฤษฏีควอนตัม ซึ่งจะมีการอธิบายว่าพิสูจน์ได้อย่างไรว่า อนุภาคที่เล็กกว่าอะตอมอย่าง อิเล็กตรอน หรือโฟตอน เป็นได้ทั้งคลื่นและอนุภาคในขณะเดียวกัน โดยจะมีการทดลองที่เป็นที่รู้จักกันอย่าง double slit หรือการยิงแสงผ่านช่องคู่ ตรงนี้ผมยังไม่ขออธิบายเนื่องจากจะทำให้บทความยาวเกินไป แนะนำให้หาดูในคลิปที่ผมแนะนำ เช่นคลิปนี้ อธิบายทฤษฏีควอนตัมที่แม้แต่ไอสไตน์ยังงง เป็นการอธิบายถึงทฤษฏีควอนตัมที่ไอสไตน์ยังเข้าใจผิด, การทดลองหาความสัมพันธ์ของจิตสำนึกกับการเปลี่ยนคลื่นเป็นอนุภาค คลิปนี้จะแสดงให้เห็นว่าจิตสำนึกของเราอาจจะเป็นตัวแปรต้นที่เปลี่ยนคลื่นให้กลายเป็นอนุภาค หรือใน Youtube แล้วอินเตอร์เน็ตมีอีกมากมายให้ศึกษาครับ

ในเต๋า,พุทธและอีกหลายๆศาสนา มีการพูดถึงพระเจ้า หรือแม่พระธรณี ผู้ให้กำเนิดทุกอย่าง ผู้ที่นับถือศาสนาต่างๆเหล่านี้จะมีอะไรๆที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือการพยายามสื่อสารหรือประสานเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าที่เราเชื่อ

จากประสบการณ์ของผมมากกว่า20ปี จากการทำสมาธิ ศึกษาปรัชญาเต๋า ฮวงจุ้ย การสัมผัสผู้คนในหลายๆศาสนา ทั้งคริสต์ อิสลาม ฮินดู เรียนวิทยาศาสตร์ ทฤษฏีควอนตัม คอมพิวเตอร์ โบราณคดี แนวคิดทฤษฏีบรรพบุรุษจากต่างดาว จิตวิทยา และอีกหลากหลายมากมาย ผมได้ค้นพบการเชื่อมโยงของสิ่งต่างๆ และเข้าใจว่าแท้จริงแล้วถ้าเราสามารถประสาน(synchronize)กับจักรวาลหรือที่เรียกกันส่วนใหญ่ว่าพระเจ้า เราจะกลายเป็นหนึ่งเดียวและจะได้สัมผัสถึงความสุขที่แท้จริง ซึ่งศาสนาพุทธเรียกว่านิพพาน สถานะที่ไร้อัตตา ความเป็นตัวตน ที่ซึ่งว่างจากกิเลศทั้งปวง เราจะสามารถทำลายบ่วงโซ่ที่ยึดติดเราไว้กับความทุกข์และกลับไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลอีกครั้ง


การที่จะทำอย่างนั้นได้ เราจะต้องเข้าถึงสภาวะของคลื่นที่บริสุทธิ์ โดยอาจจะเรียกจิตก็ได้ในทางพุทธ ที่ผมเรียกว่าคลื่น เพราะอ้างอิงจากทฤษฏีควอนตัมว่าทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นคลื่น

โดยในแต่ละสภาวะของคนเราจะมีคลื่นที่ต่างออกไป ในขณะที่จิตวุ่นวาย คลื่นก็จะแหลม ไม่เป็นระเบียบ และเมื่อจิตสงบ คลื่นก็จะค่อยๆเป็นระเบียบมากขึ้น โดยที่คลื่นของจักรวาลเป็นอย่างไรอันนี้ผมก็ยังไม่ทราบเพราะยังไม่เคยเข้าถึงได้ เปรียบเสมือนที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเป็นปัจจักตัง จะรู้ได้เมื่อเข้าถึงได้เองเท่านั้น

เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเป็นคลื่น คิดว่าคลื่นอะไรจะมีพลังมากที่สุดครับ ระหว่าง จักรวาล พระอาทิตย์ ดวงดาว ธรรมชาติบนโลก สิ่งมีชีวิตบนโลก บ้าน ที่อยู่อาศัย หรือร่างกายเรา?

จักรวาลน่าจะเป็นคำตอบที่ใกล้เคียงที่สุด ซึ่งมีทุกสิ่งที่เราเข้าใจบรรจุไว้ เพราะฉะนั้นแล้ว ยิ่งเราสามารถประสานคลื่นของเราให้เข้าใกล้ธรรมชาติได้มากเท่าไร เราก็จะสามารถใช้พลังของจักรวาลได้มากที่สุดตามที่ร่างกายและจิตใจของเราสามารถรับได้


ฮวงจุ้ยควอนตัม (Q-Fengshui) เป็นชื่อที่ผมจะใช้เรียกสร้างความแตกต่างระหว่างแนวคิดของฮวงจุ้ยแบบที่ตั้งอยู่บนหลักวิทยาศาสตร์ กับ ฮวงจุ้ยที่ตั้งอยู่บนหลักไสยศาสตร์ซึ่งเกิดจากการเจือปนของความเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับ สิ่งศักสิทธิ์ พิธีกรรม ความเชื่อโบราณและความรู้ผิดๆ โดยในบทความนี้ผมจะขอเรียกแนวคิดฮวงจุ้ยที่ตั้งอยู่บนหลักวิทยาศาสตร์ ในแนวทางของกลศาสตร์ควอนตัมว่า ฮวงจุ้ยQ(คิว) เพื่อความง่ายต่อการอธิบายนะครับ

ฮวงจุ้ยอธิบายว่าชะตาหรืออนาคตของมนุษย์ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย คือ คน ฟ้า ดิน


คน : หมายถึงพลังของคนที่เกิดจากความคิดและการกระทำ

ฟ้า : หมายถึงกรรม สิ่งที่เป็นผลซึ่งเกิดจากเหตุ ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หรือหมายถึงธรรมชาติของจักรวาลเช่น ระยะทางที่โลกเราโคจรรอบดวงอาทิตย์, ลักษณะการโคจรของดาวต่างๆในจักรวาล, ฤดูกาลบนโลก สภาพอากาศ หรือกลไกธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากและแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะไปเปลี่ยนแปลงมัน

ดิน : หมายถึงสิ่งแวดล้อมบนโลกซึ่งอยู่ใกล้ตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ทำงาน โรงงาน ภูมิประเทศที่อยู่อาศัย หรือบุคคลรอบตัวเรา ที่เราอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา

เมื่อพลังงานฟ้าดี หมายความว่าถนนที่เราจะไปเจอข้างหน้าก็จะราบเรียบเหมาะกับเรา

เมื่อพลังงานคนดี หมายความว่าเรามีร่างกาย จิตใจ หรือศักยภาพที่จะฉลาดหรือเป็นอัจฉริยะ

เมื่อพลังดินดี หมายความว่าสิ่งแวดล้อมที่เราใช้ชีวิตอยู่ ให้การสนับสนุน เกื้อหนุนเราในทางที่เราต้องการ

น้ำหนักของปัจจัยทั้ง 3 โดยปกติแล้วจะมีความสำคัญเท่าๆกัน ถ้า สองในสามของปัจจัยนั้นดี อนาคตของเราก็จะมีแนวโน้มไปในทางที่ดี ถ้าดีแค่หนึ่งในสามก็อาจจะไม่ราบลื่นนัก ถ้าดีหมดสามในสามเลยก็จะดีมากๆ ในขณะเดียวกันถ้าไม่ดีเลยทั้งสามปัจจัยก็จะมีผลตรงกันข้าม

แต่ก็อย่าลืมว่า ถึงแม้ฟ้ากับดินจะดี แต่คนไม่ทำอะไรเลย ก็จะเป็นเหมือนคล้ายๆกับคนที่มีชีวิตสบายๆไปวันๆแต่ไม่ได้สร้างสรรค์หรือมีเป้าหมายอะไรเลยในชีวิต ในขณะที่คนที่มีชะตาฟ้ากับดินไม่ดี แต่ชะตาคนตั้งใจสู้ ถึงแม้จะมีอุปสรรคแต่ก็มีโอกาสที่จะบรรลุความฝันหรือเป้าหมายของชีวิตได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เราสามารถควบคุมได้เพียงสองในสามของปัจจัยซึ่งก็คือ คนและดิน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงฟ้านั้นแทบจะเป็นไปได้เลยด้วยความรู้ในปัจจุบันของมนุษย์เรา ยกตัวอย่างโอกาสถึงความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนแปลงวงจรของดวงอาทิตย์ หรือโลกของเรา แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

จากการที่เราเปลี่ยนแปลงได้เพียงคนกับดิน เมื่อถึงเวลาที่ฟ้ากับดินร้าย ถึงแม้เราจะพยายามแค่ไหน เราก็ยังคงเจอความยากลำบากในชีวิตอยู่ดี นี่เป็นเหตุที่ทำไมฮวงจุ้ยQถึงมีความสำคัญ

เมื่อเราผสานเทคนิคการใช้ศาสตร์ โป๊ยหยี่สี่เถียว(8อักษร4แถว) ของจีนซึ่งจะวิเคราะห์ถึงคลื่นพลังงานในตัวเราที่ประจุมาตั้งแต่กำเนิด กับคลื่นพลังงานงานในอนาคตซึ่งเกิดจากอิทธิพลของจักรวาล ซึ่งประกอบด้วยอิทธิพลของดวงขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้โลกเรา เช่น ดวงอาทิตย์ ดาวอังคาร หรือดวงจันทร์ กับอิทธิพลของพลังงานบนโลกเช่นสนามแม่เหล็กโลก ลม น้ำ ฤดูกาลต่างๆที่เกิดบนโลก ทำให้เราสามารถรู้อนาคตได้ เหมือนกับดูพยากรอากาศรู้ว่าพรุ่งนี้มีโอกาสเกิดฝนสูง เราก็จะได้เตรียมนำร่มติดตัวไปเมื่อออกจากบ้าน

ชีวิตก็เหมือนกัน เมื่อเราเรียนรู้ว่าอนาคตเราจะเจอกับคลื่นพลังงานในรูปแบบไหน จะดีหรือร้ายต่อเรา ถ้าร้ายเราก็จะได้เตรียมตัวรับมือหรือหลีกเลี่ยงการทำเหตุการณ์เสี่ยงๆ หรือเป็นพลังงานดี เราจะได้ทำอะไรให้สุดๆไปเลย เพื่อใช้โอกาสที่ดีนั้นให้เต็มที่ โดยเรายังสามารถเปลี่ยนพลังงานที่ร้ายให้กลายเป็นดีได้ด้วย เช่นรู้ว่าวันไหนไม่ดีกับตัวเรา แทนที่จะออกไปขายของ หรือทำงานอะไรสำคัญ เราก็อาจจะใช้เป็นวันพักผ่อน ทำสมาธิ ผ่อนคลาย ทำงานที่เสี่ยงน้อย หรือวางแผนชีวิตสำหรับจังหวะชีวิตที่ดีต่อไปได้

หลายคนอาจจะจินตนาการไม่ออกว่าพลังงานที่ไม่ดีคืออะไร ผมขอยกตัวอย่างว่ามันก็เป็นเหมือนกับพายุพิเศษชนิดนึง ที่ไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสปกติของคน อาจจะมองเป็นพายุที่อยู่ในรูปแบบของคลื่น ซึ่งเกิดอยู่ตลอดเวลารอบตัวเรา โดยสามารถเข้าไปเก็บสะสมอยู่ในอนุภาคหรือวัตถุรอบๆตัวเราได้อีกด้วย เช่น ต้นไม้ บ้าน หรือดิน เมื่อเราไปตัดต้นไม้ใหญ่ ไปทุบเคาะตอกเจาะบ้าน หรือขุดดินในทิศหรือตำแหน่งนั้นๆ ในจังหวังที่พลังงานนั้นโคจรเข้ามาพอดี ก็จะเกิดเหตุการณ์ที่คนเราเรียกว่า ซวย ดวงไม่ดี โชคร้าย โดนผีหลอก โดนผีสิง เจ้าที่ไม่พอใจ เทพยดาโกรธ อะไรทำนองนี้ ขึ้นกับความเชื่อของแต่ละบุคคล


พลังงานเหล่านี้อาจมาในรูปแบบความเจ็บป่วยแบบกระทันหัน แบบหาสาเหตุไม่ได้, การตัดสินใจผิดพลาดอย่างรุนแรง, การทะเลาะกันอย่างรุนแรง จากเรื่องไม่เป็นเรื่อง หนักสุดก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ เช่นโดนรถชน หรือขับรถแล้วอยู่ดีๆโดนชนแบบแปลกๆ สิ่งเหล่านี้ถ้ามองว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดได้แบบสุ่ม ก็เป็นไปได้ แต่ถ้าศึกษาเรื่องของการเชื่อมโยงของพลังงานต่างๆแล้ว จะรู้ว่าทุกสิ่งในจักรวาลไม่มีเรื่องบังเอิญ เพียงแต่ถ้าเรายังไม่สามารถประสานกับจักรวาลได้ ก็คงจะเป็นการยากที่จะเข้าใจต้นเหตุได้

ในโบราณกาล เมื่อเหตุการณ์แย่ๆเหล่านี้เกิดขึ้น คนทั่วไปไม่เข้าใจ จึงไปแปลความในแง่ไสยศาสตร์และแก้ไขแบบการทำพิธีกรรมต่างๆ ถึงแม้ว่าในการทำพิธีกรรมต่างๆ จริงๆแล้วก็แฝงไว้ถึงหลักการนำเอาพลังงานต่างๆในธรรมชาติมารักษาเรา เช่นธูปเทียน ก็คือพลังงานธาตุไฟ , การโรยเกลือที่ช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย แท้จริงแล้วเป็นเพราะเกลือโดยทั่วไปมีสภาพเป็นกลางทางเคมี จริงช่วยปรับพลังงานให้อยู่ในสภาพเป็นกลาง ซึ่งก็คือไม่ดีแล้วก็ไม่ร้ายนั่นเอง


เมื่อหายนะหรือภัยพิบัติหายจากการทำพิธีกรรม คนจริงเชื่อว่าเป็นเพราะสิ่งศักสิทธิ์หรือสิ่งเหนือธรรมชาติที่เราเข้าใจหายโกรธหรือพอใจกับพิธีกรรม ทั้งๆที่จะเห็นได้ว่าพิธีกรรมมีทั้งสำเร็จแล้วล้มเหลว เมื่อล้มเหลวก็จะคิดว่าสิงศักดิ์หรือภูติผีปีศาจไม่พอใจ ทั้งๆที่จริงๆแล้วเป็นเพราะว่าพลังงานที่ไม่ดีมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งในแต่ละเวลาก็มีรูปแบบที่ต่างกันเสมอ เหมือนกับว่าถ้าอยู่ในฤดูร้อน เรากินน้ำก็อาจจะช่วยให้หายร้อนได้ แต่ถ้าอยู่ในฤดูหนาวการกินน้ำก็อาจทำให้หนาวขึ้นก็ได้ พิธีกรรมก็เหมือนกัน ซึ่งฮวงจุ้ยQจะมีรายละเอียดวิธีการออกแบบสิ่งแวดล้อมของเราที่ซับซ้อนตามการโคจรและเปลี่ยนไปของพลังงานในจักรวาล โดยอ้างอิงจากการสังเกตธรรมชาติ ชีวิตคน พลังงานชีวิตหรือที่เรียกว่ากันว่าชี่ ของซินแสที่สะสมและถ่ายทอดอย่างเป็นความลับมาเป็นพันๆปี จนได้รับการเปิดเผยในยุคนี้ หากแต่ตำราต่างๆโดยส่วนใหญ่ล้วนเป็นของปลอม แต่เพราะอะไรจะเล่าให้ฟังในตอนอื่นนะครับ

ทุกวันนี้มีวิธีการพัฒนาพลังงานของคนหลากหลายวิธี ยกตัวอย่างเช่น การทำสมาธิ การสวดมนต์ ภาวนา NLP การคิดบวกและอะไรอีกมากมาย ซึ่งผมจะแนะนำวิธีที่ผมใช้ซึ่งก็คือการทำสมาธิ ในบทความในอนาคตนะครับ แต่ตอนนี้มาเจาะลึกกันที่ส่วนของฮวงจุ้ยQ ก่อน

เนื่องจากการจัดฮวงจุ้ยมีการทำกันมาเป็นพันๆปีแล้ว จึงมีแนวทางและตำราหลากหลายสายมาก ซึ่งปรมาจารย์ทางด้านฮวงจุ้ยที่ผมศึกษาด้วยเป็นผู้ที่ออกเดินทางศึกษาตำราจากปรมาจารย์ชื่อดังทั่วโลกมากว่ายี่สิบคนแล้ว โดยมีทั้งในจีน ฮ่องกง สิงคโปร์และไทย โดยท่านได้ทำการคัดกรองวิชา และทดสอบโดยอ้างอิงตามหลักการของวิทยาศาสตร์ จึงเกิดเป็นแนวคิดแบบใหม่ที่ผมนำมาประยุกต์ใช้ตอนนี้

เราสามารถนำเทคโนโลยีมาช่วยให้การจัดฮวงจุ้ยมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการมีเครื่องมือช่วยวัดทิศทางของพลังงาน หรือการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมมาช่วยในการวัดองศา และสำรวจชัยภูมิ ซึ่งทำให้การศึกษาและจัดฮวงจุ้ยสะดวกขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก

ฮวงจุ้ยQ ไม่ใช่ศาสนาหรือลัทธิอะไร ถึงแม้ว่าอาจจะต้องอาศัยความเชื่อที่จะลองปฏิบัติตามก่อนบ้าง เพื่อจะได้พิสูจน์ถึงผลที่เกิดกับตัว โดยถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะยังไม่ได้เข้าใจถึงกลไกการทำงานของพลังงานทั้งหมดเนื่องด้วยข้อจำกัดทางวิทยาการของมนุษย์ แต่เราสามารถทราบได้ว่าถ้าเราทำอย่างนี้จะได้ผลอย่างนั้น ทำอย่างนั้นจะได้ผลอย่างนี้ ซึ่งก็เพียงพอมากแล้ว สำหรับการใช้งานในชีวิตของเรา โดยเราก็ยังคงมีการศึกษากลไกการทำงานของพลังงานต่างๆเหล่านี้อยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะพัฒนาวิชาให้ก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ เราเปิดรับถึงแนวคิดที่แตกต่างและการวิจารณ์ในเชิงสร้างสรรค์เสมอ เพราะฉะนั้นเข้ามาทักทาย พูดคุยกันได้ตามช่องทางที่เปิดไว้เลยนะครับ เราจะมีการทำบทความใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ เพื่อแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้ให้กับเพื่อนๆที่สนใจทุกคนครับ


อ่านเพิ่มเติมได้ทางเว็บผมเลยครับ

https://cosmichouse168.wordpress.com/