จรรยาบรรณของนักพยากรณ์

จรรยาบรรณของนักพยากรณ์

โดยธรรมเนียมของไทยเรา ที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นที่เดียวในโลก พอถึงวาระขึ้นปีใหม่ในแต่ละปี นอกจากจะมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง

ออกมาอวยชัยให้พรแก่พี่น้องประชาชนแล้ว ยังมีโหรหรือหมอดูทั้งหลายออกมาทำนายทายทักว่า ปีต่อไปนี้บ้านเมืองจะดีจะร้ายอย่างไร

ส่วนผลการทำนายทายทักก็แตกต่างกันไป บ้างก็ว่าดี บ้างก็ว่าไม่ดี สุดแล้วแต่ตำราที่เล่าเรียนมา หรือแล้วแต่รสนิยม หรือทัศนคติทางการเมืองของโหราจารย์นั้น ที่สำคัญก็คือสุดแล้วแต่ข้อมูลทางลึกหรือข้อมูลภายในที่โหรผู้นั้นได้มา ถ้าเป็นภาษาหุ้นก็เรียกว่า insider นั่นเอง ยิ่งรู้ข้อมูลภายในมากก็ยิ่งแม่นมาก

แน่นอนว่าคำทำนายที่ดีๆ มักจะไม่ค่อยเป็นที่สนใจของสื่อสักเท่าไหร่ แต่คำทำนายที่ดุเดือดเลือดพล่านเช่น จะเกิดภัยพิบัติโน่นภัยพิบัตินี่ คนนี้จะหมดอำนาจ คนนั้นจะขาดอายุขัย มักจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ส่วนผลการทำนายออกมาก็มีถูกบ้างผิดบ้าง หน้าแตกกันมากบ้างน้อยบ้าง

ผมเองมิใช่โหรหรือหมอดู และก็ไม่เคยได้ศึกษาวิชาหมอดูหรือโหราศาสตร์มาก่อน แต่จากข้อสังเกตข้างต้น ทำให้ผมเกิดความสนใจที่จะค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องจรรยาบรรณของโหราจารย์ ทำให้ทราบว่า ผู้ที่เป็นโหรหรือหมอดูนั้น ก็ต้องมีจรรยาบรรณหรือมารยาทในการพยากรณ์เช่นเดียวกับผู้ประกอบวิชาชีพอื่น เช่น แพทย์ที่รักษาคนไข้ หรือทนายความที่ต้องช่วยเหลือลูกความ เพราะโหรหรือหมอดูก็ถือได้ว่า เป็นผู้ที่ต้องให้ความช่วยเหลือ หรือรักษาความวิตกกังวลของผู้มาให้พยากรณ์เช่นกัน ที่กล่าวเช่นนี้เพราะเชื่อว่า คนที่ดวงกำลังดีคงไม่มีใครอยากจะให้ใครมาพยากรณ์โชคชะตาของตนให้หันเหไป

จรรยาบรรณหรือมารยาทของโหรหรือหมอดู อาจกล่าวได้โดยสรุป ดังนี้

1.ต้องพยากรณ์โดยปราศจากโลภะ โทสะ โมหะ คือ ไม่ให้พยากรณ์ไปโดยความโลภในลาภสักการะ หรือพยากรณ์ไปด้วยความโกรธ หรือด้วยความหลงเข้าใจผิด อะไรที่ไม่แน่ใจก็ไม่ควรพยากรณ์

2.ต้องพยากรณ์โดยปราศจากอคติ คือ ต้องไม่มีความลำเอียงในการพยากรณ์ เพราะรักเพราะชอบเจ้าของเจ้าชะตาจึงพยากรณ์ให้แต่สิ่งที่ดี สิ่งที่ไม่ดีไม่ยอมบอก โหรควรเตือนให้ทราบถึงสัญญาณอันตรายที่มาสู่เจ้าชะตา ส่วนเจ้าชะตาจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

3.ต้องพยากรณ์โดยปราศจากความกลัว คือ ไม่ต้องเกรงกลัวบารมีใครในการพยากรณ์ หรือเกรงใจไม่กล้าบอกความจริง ถ้าเห็นว่ามีสิ่งร้ายแรงในดวงชะตาค่อยๆ หาคำพูดที่อธิบายแบบอ้อมๆ โดยไม่ต้องพูดตรงจนเกินไป

4.ควรพยากรณ์โดยเฉพาะตัวต่อตัว การพยากรณ์ต่อหน้าบุคคลหลายคน ทำให้โหรไม่กล้าระบุให้ชัดเจน เช่น เจ้าชะตาพาเพื่อนมาด้วยแล้วนั่งฟังการพยากรณ์ หากว่าดวงชะตาของเจ้าชะตานั้น ปรากฏว่ากำลังคบเพื่อนไม่ดี โหรก็ไม่กล้าพูดออกมาเพราะมีเพื่อนมาด้วย

5.กรณีที่เจ้าชะตากำลังดวงไม่ดีมีเคราะห์ร้าย โหรไม่ควรถือโอกาสเอาผลประโยชน์จากเจ้าชะตา โดยการเรียกร้องเงินทองหรือทรัพย์สินใดๆ จากเจ้าชะตาโดยอ้างว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์ ทางที่ดีแล้วควรแนะนำให้เจ้าชะตาไปทำบุญกุศลเองจะเหมาะกว่า เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา เป็นการสร้างกรรมดีไว้ และให้ทำบ่อยๆ จนกว่าเคราะห์จะหมดไป

6.ไม่ควรโฆษณาตนเองในขณะพยากรณ์ การโฆษณาตนเองในขณะที่พยากรณ์เป็นการโอ้อวดความสามารถของตนเองต่อหน้าเจ้าชะตา หรือบุคคลอื่น เพราะโดยหลักแล้ว ความดีของมนุษย์ย่อมไม่ควรออกจากปากตนเอง ควรให้ออกจากปากผู้อื่นจะเหมาะกว่า

7.ไม่ควรทับถมการพยากรณ์ของโหรคนอื่น เจ้าชะตาส่วนใหญ่มักผ่านโหรมาหลายคน และมักจะมีการเอ่ยชื่อถึง หรือพูดว่าเคยมีโหรคนนั้นคนนี้ทายไว้แล้วไม่ถูกบ้าง อะไรบ้าง ตามมารยาทแล้วโหรควรรับฟังไว้เฉยๆ แต่ไม่ควรวิจารณ์ทับถมต่อหน้าเจ้าชะตาหรือบุคคลอื่น เพราะโหรแต่ละคนก็มีหลักเกณฑ์และประสบการณ์ในการพยากรณ์แตกต่างกันไป

8.วรพยากรณ์ให้ตรงจุดไม่ปิดบังอำพราง ส่วนใหญ่ผู้มาให้พยากรณ์มักมีความทุกข์มา โหรควรเป็นผู้แก้ปัญหาให้ โดยพยากรณ์ให้ตรงจุดที่เจ้าของชะตาต้องการทราบ และควรบอกให้หมดไม่ควรขยักไว้ เพื่อให้มาหาคราวต่อไปอีก

9.ควรระมัดระวังถ้อยคำที่ใช้พยากรณ์ ในการพยากรณ์ดวงชะตาควรใช้ถ้อยคำที่สุภาพ ไม่ควรกล่าวผรุสวาท และอย่าพยายามซักถามก้าวก่ายในเรื่องส่วนตัวของเจ้าชะตามากเกินไป โดยเฉพาะเจ้าชะตาที่เป็นหญิงมาให้พยากรณ์นั้น โหรไม่ควรถือโอกาสเอาเปรียบเจ้าชะตา เพราะเจ้าชะตาที่มาพบโหรส่วนใหญ่มักมีปัญหามาปรึกษา หรือขอคำแนะนำจากโหรอยู่แล้ว ฉะนั้นโหรจึงควรใช้ถ้อยคำที่สุภาพและสำรวมกิริยา เพื่อให้เป็นที่เคารพนับถือของเจ้าชะตาที่มาให้พยากรณ์

10.ต้องรักษาความลับของผู้มาให้พยากรณ์ เช่นเดียวกับแพทย์ต้องรักษาความลับของคนไข้ ไม่เอาเรื่องของเจ้าชะตาไปวิพากษ์วิจารณ์เป็นที่สนุกสนานขบขันกันในหมู่เพื่อนฝูงของโหรเอง โหรควรจะขอบคุณเจ้าชะตาที่ทำให้ตนเองได้มีโอกาสศึกษามากกว่า

นอกจาก 10 ข้อที่ว่ามาแล้วนี้ ยังมีประเด็นย่อยอีกเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งอาจจะไม่ถึงกับเป็นจรรยาบรรณ แต่เป็นแนวปฏิบัติของแต่ละสำนักไป เช่น ไม่พยากรณ์โชคชะตาเด็กเล็ก เพราะอาจทำให้ผู้ใหญ่เกิดอคติแก่เด็ก จนกระทั่งไม่เลี้ยงดู หรือนำไปฆ่าให้ตาย ดังที่เราเคยได้ยินมาแต่โบร่ำโบราณ หรือไม่ก็ไม่พยากรณ์วันตาย เพื่อป้องกันความวิตกทุกข์ร้อนของคนที่มาให้พยากรณ์

หรือที่นิยมกันมากเป็นพิเศษ ก็คือหมอดูที่เป็นพระสงฆ์องค์เจ้า (ที่แท้จริง) ท่านก็จะไม่ทำนายในสิ่งที่ขัดต่อพระธรรมวินัย เช่น ชายหญิงคู่ใดควรจะเป็นสามีภรรยากัน หรือควรเลิกกันหรือไม่

จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ผู้อ่านคงจะพอวินิจฉัยได้แล้วว่า โหราจารย์หรือหมอดูท่านใดมี หรือไม่มีจรรยาบรรณมากน้อยแค่ไหน ส่วนการที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อใคร คงเป็นวิจารณญาณเฉพาะตัวของท่านแล้วล่ะครับ

Cr อ.ชำนาญ จันทร์เรือง

ชำนาญ จันทร์เรือง

ดูบทความทั้งหมด

คอลัมนิสต์ประจำคอลัมน์ "มองมุมใหม่"

6 มกราคม 2559