The​ Moon​ อานุภาพแห่งความฝันยามค่ำคืน



The​ Moon​ อานุภาพแห่งความฝันยามค่ำคืน


องก์ 1


      คุณลืมเลือนดิฉันไปแล้วหรือยังคะ หญิงสาวนัยน์ตาหวานหยาดเยิ้มคนนั้น คนที่คุณเคยพร่ำคำรักแสนเสนาะแก่หล่อนทุกค่ำเช้า คำหวานของคุณยังกึกก้องในโสตประสาทของดิฉันมิรู้ลืม เมื่อยามคุณแรกรักดิฉันรู้สึกราวกับว่าสรวงสวรรค์อยู่มิไกลเกินเอื้อม นั่นคงเป็นเพราะภวังค์แห่งรักและลุ่มหลงล่ะค่ะที่นำพาดิฉันลอยละล่องสู่ดินแดนสุขารมณ์


      ทุกคราที่รอยจูบของคุณกระหน่ำซุกไซ้อย่างบ้าระห่ำประทับบนเรือนกายของดิฉัน มันทำให้หัวใจอันเปราะบางไร้ภูมิต้านทานในรสรักพิศวาสดวงนี้อ่อนระทวยจนแทบทรงตัวอยู่มิได้  ริมฝีปากของคุณช่างแสนอบอุ่นราวกับเสื้อคลุมขนสัตว์ชั้นเลิศของหัวหน้าเผ่าชาวเอสกิโม แต่ผิวสัมผัสของมันกลับเยือกเย็นชวนเสียวซ่านมิอาจต้านทานไหว จวบจนวินาทีนี้รอยประทับอันดูดดื่มแห่งไฟรักไฟสิเน่หานั้น มันก็ยังโหมกระพือลุกโชนอยู่ในห้วงหลืบความทรงจำของดิฉันมิเสื่อมคลาย คล้ายกับว่ามันถูกตรึงไว้เพื่อทรมาทรกรรมผู้อ่อนแออยู่ร่ำไป


      ยามคุณกอดรัดฟัดเหวี่ยงด้วยแรงรักแรงปรารถนา มันชวนให้รู้สึกประหนึ่งว่าดิฉันเป็นเจ้ากระต่ายป่าซึมกะทือตัวกะจ้อยร่อยผู้โชคดีที่สุดในฝูงของพวกมัน แม้นรู้ตัวดีว่าตนจักต้องตายด้วยเขี้ยวเล็บของพญาราชสีห์แห่งพงไพร แต่มันกลับเปี่ยมไปด้วยความอิ่มเอมใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตจักได้มีโอกาสสัมผัสชิดใกล้กับเนื้อหนังมังสาของเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่ ลมหายใจดับแดดิ้นคาเขี้ยวเล็บแห่งเพชฌฆาต ร่างกายของมันถูกขย้ำจนวิ่นแหว่งไม่เหลือสารรูปเดิม โลหิตไหลรินชโลมทั่วเรือนร่าง ทว่ารสสัมผัสที่บังเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียวนั้น มันกลับนำมาซึ่งปีติสุข ณ ขณะจิตของอาการดิ้นทุรนทุรายก่อนวายชีวา เพียงเพื่อซึมซับคุณค่าและความหมายของการมีชีวิตอยู่


      นี่ยังมิพักเอื้อนเอ่ยถึงกิจกำหนัดที่คุณกระทำต่อดิฉันสารพัดสารพัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อชิวหาพาเพลินจอมทะลึ่งทะเล้น พ่อเจ้าประคุณรุนช่องช่างยียวนกวนใจเสียนี่กระไร เวลาที่หมอชอนไชตวัดขึ้นตวัดลงพลิกซ้ายพลิกขวาคราใด หัวใจของดิฉันแทบจักร่วงหล่นลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มมะรอมมะร่อ 


      หน็อยแน่!! อ้ายเจ้าชิวหาตัวแสบ หมอช่างสังเกตสังกาอากัปกิริยาได้ถนัดถนี่นักเชียว หมอรู้ดีไปหมดนั่นแลว่าจุดอ่อนไหวไวต่อสัมผัสของดิฉันตั้งอยู่ ณ ตำแหน่งแห่งใด เมื่อประสบเข้าให้แล้วหมอก็ไม่รอช้าเที่ยวละเลงปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบแห่งไฟพิศวาสให้ระเริงร่าไปกับลวดลายอันร้อนเร่าของหมออย่างทันควัน จนผู้ถูกกระทำรังแกเยี่ยงดิฉันมิอาจต้านทานขัดขืนได้เลย


      และแล้วเมื่อสิ่งสงวนของคุณสัมผัสอย่างแน่นขนัดเข้ากับสิ่งสงวนของดิฉัน สีหน้าคร่าตาของคุณเริ่มบ่งบอกอย่างมีนัยประหวัดถึงความภาคภูมิใจในความเป็นชายชาตรีของตัวอยู่เหลือหลาย เหตุเพราะสามารถทำให้หญิงสาวในบัญชาอ่อนปวกเปียกไปได้ด้วยลีลารักของตัวคุณ คุณพร่ำกระซิบเจื้อยแจ้วแผ่วเบาข้างหูของดิฉันอย่างไม่หยุดหย่อนถึงแรงรักแรงปรารถนาที่มอบให้แก่คนรัก คุณทำราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าเป็นดั่งความภักดีที่พึงกระทำลงไปก็เพื่อเติมเต็มอารมณ์ความรู้สึกแห่งรักให้ยังดูดดื่มหวานชื่นอยู่เสมอ ซึ่งเปรียบเสมือนพันธะสัญญาต่อการมีชีวิตคู่ที่คุณและดิฉันมิอาจปฏิเสธไปได้


      แววตาของคุณช่างเปี่ยมไปด้วยทีท่ากระตือรือร้นแห่งความรักใคร่ ลมหายใจร้อนรุ่มปานจักแผดเผาร่างของดิฉันให้ไหม้เกรียม ผิวกายอันแสนอบอุ่นที่ห่อหุ้มสองร่างของเราเข้าไว้ด้วยกันได้ช่วยสุมเชื้อเพลิงแห่งไฟปรารถนาให้เพิ่มอุณหภูมิจนถึงขีดสุด


      คุณกระหน่ำปลดปล่อยแรงหื่นกระหายอย่างพิถีพิถันโดยไม่มีทีท่าลดละ หนำซ้ำเมื่อดิฉันแผดเสียงร้องครวญครางจนกึกก้องกังวานด้วยรู้สึกเจ็บแสบระคนสำเริงสำราญ คุณกลับนึกรัญจวนใจนำพาดิฉันโลดโผนโจนทะยานด้วยลีลาแห่งรักพิศวาสอันวิจิตรตระการตาจนเรี่ยวแรงของดิฉันแทบสิ้นสูญ


      เมื่อช่วงเวลาหรรษาคลายมนต์สะกดลงด้วยสิ้นพลานุภาพของน้ำพุร้อนแห่งสิเน่หาที่ผลุดพุ่งจากผืนธรณีทรงกระบอกของคุณแล้ว คุณกลับล้มพับนอนแน่นิ่งราวกับร่างที่ไร้วิญญาณ ซึ่งผิดแผกไปจากภาพของเจ้าโคถึกที่คึกพิโรธเมื่อชั่วครู่นี้เอง


      ไม่มีคำหวานใดๆ พรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากของคุณอีกแล้ว ไม่มีอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นโอบอุ้มร่างของดิฉันอย่างแนบแน่นอีกต่อไป ชิวหาพาเพลินที่แสดงทีท่าระริกระรี้เริงระบำระรัวรัก มาบัดนี้ได้สิ้นฤทธิ์เดชลงไปเสียแล้ว รอยจูบที่โหมกระหน่ำทั่วเรือนกายของดิฉันก็อันตรธานหายไปอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ขณะนี้มีเพียงความเปลี่ยวเหงาที่รายล้อมอยู่รอบกายของดิฉัน พร้อมด้วยเสียงกัมปนาทของอาการหายใจติดๆ ขัดๆ ดัง "เคริกๆ" เมื่อยามคุณหลับใหลที่เฝ้าหลอกหลอนดิฉันตลอดทั้งค่ำคืน


      ดิฉันอยากทราบจริงๆ ค่ะ ว่า คุณรักใคร่ดิฉันจริงๆ ใช่ไหมคะ ?


องก์ 2


      กุ๊กกู่ กุ๊กกู่ กุ๊กกู่...


      เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นห้องนอนของแม่ดวงแข ซึ่งเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าดวงตะวันของเช้าวันใหม่ได้สาดทอแสงขึ้นอยู่เหนือเส้นขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกแล้ว


      ทันใดนั้นเองแม่ดวงแขก็ตื่นขึ้นจากการหลับใหล วงจรชีวิตของหล่อนได้เริ่มดำเนินไปอย่างเป็นปรกติเฉกเช่นทุกวัน ซึ่งเช้านี้ก็เป็นอีกครั้งที่เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับคำถามเดิมๆ ที่ว่า...


      “อีกนานเท่าไหร่กันนะที่ฉันจะหลุดพ้นไปจากความฝันอันแสนประหลาดในยามค่ำคืน และฉันจะต้องอดทนไปจนถึงเมื่อใดกว่าที่หัวใจจะลืมเลือนความรักลวงหลอกที่คอยหลอกหลอนอยู่ร่ำไป ?”


............


      ทั้งหมดทั้งมวลที่ผมได้กล่าวมานี้ก็เพียงต้องการจำลองสภาวะให้เห็นถึง อำนาจของความฝัน จินตนาการ และภาพลวงตา ซึ่งสำหรับในไพ่ TAROT แล้วนั้น อำนาจดังกล่าวก็เปรียบได้กับความหมายของ ไพ่ Major Arcana ลำดับที่ 18 หรือ ไพ่ The Moon นั่นเอง


      ในแง่หนึ่ง ไพ่ The Moon สามารถสื่อความได้ถึงความรู้สึกอึดอัดคับข้องใจที่เกิดขึ้นแก่เจ้าชะตา อันเนื่องมาจากสถานการณ์ที่เขาหรือเธอต้องเผชิญอยู่นั้น มีทีท่าแห่งความคลุมเครือ ไม่โปร่งใส และไม่ชัดเจน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ความคิดเกิดเตลิดไปไกล ควบคุมตัวเองไม่ได้ พลอยคิดแง่ลบแง่ร้ายไปต่างต่างนานา ซึ่งท้ายที่สุดจึงกลายเป็นภาวะหมกมุ่นจมจ่ออยู่กับความคิดของตัวเอง ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วมันอาจไม่ได้เป็นไปเช่นนั้นเลย หรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นการมองโลกในแง่ร้าย (Pessimistic) นั่นล่ะครับ


      ฉะนั้น ก่อนที่คุณจะปล่อยให้ความคิดอันเลวร้ายมีอิทธิพลครอบงำจิตใจของตัวคุณ ผมอยากให้คุณตั้งสติกันก่อนสักนิด แล้วพยายามประมวลเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยเหตุและผล อย่าปล่อยให้ใจต้องเป็นทุกข์ เพียงเพราะความวิตกกังวลที่มากเกินกว่าเหตุของตัวเองเลยครับ และในส่วนของผู้ที่ยังฝังใจอยู่กับความทรงจำอันเลวร้ายที่เคยได้เกิดขึ้นกับชีวิต การยึดติดอดีตย่อมไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสมเอาซะเลย จะดีกว่าหรือไม่ครับหากว่าคุณเลือกที่จะก้าวเดินออกมาจากสิ่งที่คอยทำร้ายจิตใจอยู่เป็นประจำ


      ส่วนในแง่ดีของ ไพ่ The Moon นั้น ถือได้ว่าเป็นไพ่ที่ให้คุณสำหรับบุคคลที่ต้องใช้ความคิดในเชิงสร้างสรรค์อยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนทำงานในแวดวงศิลปะหลากหลายสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น นักเขียน นักแต่งเพลง ดีไซน์เนอร์ ศิลปิน คนทำสื่อหรือโฆษณาที่ต้องอาศัยไอเดียอันสุดแสนบรรเจิด หรือแม้แต่คนทำงานกลางคืน ไพ่ The Moon ก็ถือว่าส่งผลดีเช่นเดียวกัน


      นอกจากนี้ ไพ่ The Moon ยังสื่อถึงการเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับโลกลี้ลับทางจิตวิญญาณ พรมแดนแห่งจิตใต้สำนึก (Unconsciousness) รวมไปถึงการมีลางสังหรณ์ ญาณหยั่งรู้ หรือปรีชาญาณ (Intuition) ที่แม่นยำ สามารถล่วงรู้เหตุการณ์หรือทำนายอนาคตได้


      สุดท้ายนี้ก็หวังว่าคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านจะได้รู้จักความหมายของ ไพ่ The Moon กันมากยิ่งขึ้น พร้อมกับเข้าใจถึงสภาวะที่ปรากฏอยู่ในไพ่ใบนี้ ดังจะเห็นได้ว่ามันมีทั้งแง่ดีและแง่ร้าย ซึ่งเปรียบได้กับสิ่งที่คนเราต้องพบเจอในชีวิตนั่นล่ะครับ เพราะทุกอย่างบนโลกใบนี้ต่างมีดีมีแย่อยู่พอๆ กัน ฉันใดก็ฉันนั้นในดีมีร้ายในร้ายมีดีนะครับ


      ว่าแล้วขอตัวไปรับฟัง บทเพลง Clair de Lune ของศิลปินนามอุโฆษชาวฝรั่งเศส อย่าง Paul Debussy ก่อนแล้วกันนะครับ


      ราตรีสวัสดิ์สำหรับค่ำคืนนี้


      อ้น TheTemperance