แจกสูตรลับ ตายแล้วเอาสมบัติไปด้วยได้

หลายๆท่านคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า

“ตายแล้วเอาอะไรติดตัวไปไม่ได้สักอย่าง”

ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงหรือแค่ความเชื่อ

วันนี้เราจะมาหาคำตอบร่วมกัน

ด้วยความหมายของไพ่ “six of pentacles”

ขอให้ทุกท่านคิดตามด้วยใจที่เปิดกว้าง

โดยเฉพาะท่านที่มีทรัพย์สินอยู่ในโลกนี้เยอะ


เบื้องต้นเราต้องเข้าใจก่อนว่าจักรวาลของเรา

ประกอบไปด้วย 2 ด้านหลักๆ

นั่นก็คือด้านของมิติทางพลังงาน

เป็นโลกแห่งจิตวิสัย

และด้านของมิติทางกายภาพ

ที่เป็นโลกของวัตถุวิสัย


นักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของโลก

ได้ค้นพบแล้วว่า “สสาร=พลังงาน”

ไม่มีสิ่งใดสูญหายไปจากจักรวาลได้

เพียงแค่เปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมา

ระหว่างมิติทั้ง 2 ฝั่งเท่านั้นเอง

คือฝั่งนี้ [โลกแห่งวัตถุที่กายเนื้อเราเป็นอยู่]

และฝั่งโน้น [โลกแห่งพลังงานที่จิตวิญญาณเรามีอยู่]

ซึ่งความมีอยู่และเป็นอยู่ของสิ่งๆหนึ่งย่อมสอดคล้องกันเสมอ


หลักการในการเปลี่ยนสสารให้เป็นพลังงาน

หรือการเปลี่ยนพลังงานให้เป็นสสาร

มันอยู่ที่การสั่นสะเทือนเคลื่อนไหว

อย่างลงตัวของทั้งสองทาง

เพื่อเปิดประตูเชื่อมต่อระหว่างกันและกัน


ไพ่ six of pentacles

สอนให้เรารู้จักวิธีการกระทำนี้

เมื่อเราบริจาค ช่วยเหลือ แบ่งปัน

สิ่งที่เรามีอยู่ให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ

อย่างบริสุทธิ์ใจ คือ

กายกระทำการส่งมอบให้

ในขณะที่จิตก็ยินดีและเต็มใจส่งมอบให้

ผลของพฤติกรรมที่ตรงกันทั้งทางกายและทางจิตนี้

จะสั่นสะเทือนร่วมกันอย่างลงตัว

เปิดประตูมิติที่เชื่อมต่อระหว่างกัน

วัตถุ เราให้แก่ผู้อื่นไปแล้ว

ที่ได้คืนมาคือพลังงานที่เขาสั่นสะเทือนกลับมาให้

เป็นสมบัติทางจิตวิญญาณ

ที่บางท่านอาจเรียกว่า บุญ 

นี่ก็คือตัวอย่างของการเปลี่ยนสมบัติทางโลกวัตถุ

ให้เป็นสมบัติทางจิตวิญญาณ


สมบัติทางโลก พกไปไหนก็ลำบาก

โจรขโมยก็ลักไปได้ เมื่อถึงเวลาละร่างกายไป

ก็นำไปด้วยไม่ได้ จริง แต่ถ้าในช่วงชีวิต

เราทะยอยนำมันไปแปลงเป็น

สมบัติทางจิตวิญญาณอยู่เป็นประจำ

มันก็จะตามติดจิตวิญญาณเราไปตลอดกาล

ไม่มีใครสามารถลักขโมยของเราไปได้


หลายคนอาจสงสัยว่าทำไม

บางคนเกิดมาก็ร่ำรวยได้

มีสิ่งดีๆและโอกาสมากมายเข้ามาในชีวิต

ราวกับถูกจักรวาลจัดวาง

นั่นก็เป็นเพราะเขาได้สั่งสมสมบัติทางจิตวิญญาณไว้มาก

เมื่อถึงเวลาและโอกาสที่เหมาะสม

มันก็จะถูกแปลงออกมาเป็นสิ่งดีๆในทางโลก

ให้แก่เขาเช่นกัน เพราะว่าเราทั้งหลาย

ล้วนดำรงค์อยู่บนกฏแห่งความสมดุลเท่าเทียม

การถ่ายเทเพื่อสร้างสมดุลระหว่างโลกทั้งสองฝั่ง

ตามกาลที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว


แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าให้ท่าน

เกิดความโลภทางจิตวิญญาณ

แล้วระแวงทางวัตถุมากเกินไปจนไปขายบ้าน

ขายรถเอาไปทำบุญสุนทานทั้งหมดก็หาไม่

เพราะเราก็ยังคงอยู่บนโลกวัตถุนี้

ตามอายุไขแห่งตน


ชีวิตของท่านต้องสมดุลทั้งสองทาง

ชีวิตในโลกวัตถุ พึงมีกินมีใช้

ให้สุขสบายไม่ขัดสน

ในขณะที่สมบัติทางจิตวิญญาณ

ก็ต้องหมั่นเพียรสะสม

ตามวาระและโอกาสให้เต็มที่ด้วย

จึงจะสมดุลและราบรื่น

ทำให้เป็นธรรมชาติที่สุด

ขอให้ทุกท่านจงพิจารณาดู


ผู้มีมากย่อมแบ่งปันแก่ผู้มีน้อย

ผู้มีน้อยพึงยินดีรับเพื่อช่วยเหลือสงเคราะห์

ให้ผู้มีมากกระทำทานสำเร็จ

ทั้งสองฝ่ายต้องทำหน้าที่และแสดงบทบาทเป็น

ทั้งผู้ให้และผู้รับในเวลาเดียวกันดุจกัน

อย่างเสมอภาค ในบทบาทของตนเอง

การกระทำของทั้งสองฝ่ายจึงจะสำฤทธิ์ผล 100%