อนิสงส์ของการล้างห้องน้ำวัด

      หลายคนที่ชอบเรื่องการดูดวงนั้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่าบ่อยครั้งที่มีการไปดูดวงมานั้น เวลาที่ดวงตกหรือแย่มาก ๆ มักได้รับคำแนะนำว่าให้ไปทำสังฆทานด้วยอุปกรณ์ทำความสะอาดห้องน้ำ และล้างห้องน้ำวัด มีหลายคนที่ไปทำตามหมอดูแนะนำ และหลายคนที่ไม่ไปทำตามด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม หลายคนรู้ความหมายและความเป็นมาในอานิสงค์แห่งการทำสังฆทานด้วยอุปกรณ์ทำความสะอาด และการล้างห้องน้ำ แต่หลายคนก็ไม่เคยทราบความหมายที่แท้จริง ในบางครั้งก็รับฟังเรื่องราวผิด ๆ มาก็มี

     ถ้าหากใครเคยได้ศึกษาในเรื่องของบุญกิริยาวัตถุ 10 การล้างห้องน้ำวัดก็เป็น 1 ใน 10 ข้อของบุญกิริยาวัตถุ 10 สำหรับการช่วยเหลือผู้อื่นในงานที่ชอบ ที่เรียกว่า เวยยาวัจจมัย นั่นคือ การออกแรงลงแรงในการทำบุญ ผมเองก็เป็นคนนึงที่คิดว่าคงมีอีกหลาย ๆ คนที่ยังไม่ทราบในเรื่องของผลบุญจากการล้างห้องน้ำวัดนั้น ว่ามากมายมหาศาลแค่ไหน ในอดีตสมัยที่ผมบวชทดแทนคุณมารดาบิดา และลดทอนกรรมของตัวเองด้วยนั้น ผมเองก็ได้รับหน้าที่จากซือฟู่ว่าให้ทำความสะอาดห้องน้ำวัดทุกเช้าก่อนที่จะไปทำหน้าที่อื่น ซึ่งในตอนที่บวชนั้นงานทุกงานที่รับผิดชอบในตอนนั้น เราเองก็ยังไม่ได้เข้าใจอะไรมากมายสักเท่าไหร่ ซือฟู่กับพี่เณรท่านก็ได้อธิบายให้ฟังถึงว่าการที่เราทำในแต่ละงานคืออะไร และระหว่างที่เราทำนั้นเราเองก็ได้เรียนรู้ธรรมะ และเห็นเหตุผลในข้อธรรมมากขึ้น และจากประสบการณ์ส่วนตัวนี้ ผมกล้าบอกว่าบุญนั้นมหาศาลจริง ๆ ทำด้วยตั้งใจ พร้อมด้วยจิตอธิฐานที่ตั้งมั่นไม่สั่นคลอน ทำให้ผมสามารถลดทอนกรรมนั้นได้อย่างรวดเร็ว กรรมไม่สามารถตัดได้นะครับ เราทำได้แค่เพียงการลดทอน

     มนุษย์เราไม่มีใครที่หนีพ้นในเรื่องของกฎแห่งกรรมได้ ไม่ว่าเราจะสร้างสิ่งนั้นไว้ตั้งแต่อดีตก่อนที่เราจะมาเกิด หรือกรรม ณ ปัจจุบันที่เราสร้าง ไม่ว่ากรรมนั้นจะเกิดจากความตั้งใจหรือกิเลสของตัวเราก็ตาม กรรมติดจรวดเสมอ โดยเฉพาะในช่วงในเราดวงตก จะเรียกว่า เคราะห์ซ้ำกรรมซัดก็ได้นะครับ 

     เรื่องเล่าจากสมัยพุทธกาล

          ในสมัยพุทธกาลมหาเศรษฐีสามีภรรยา แห่งพระนครโกสัมพีมีบุตรนามว่า พากุละ หลังจากเกิดได้เพียง 5 วัน มารดาบิดาพร้อมด้วยเครือญาติได้พาเด็กน้อยไปอาบน้ำชำระร่างกายที่แม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ ระหว่างที่คนใช้กำลังอาบน้ำให้อยู่นั้น มีปลาตัวใหญ่ได้ว่ายผ่านมาเห็นก็เข้าใจว่าเป็นอาหาร จึงกลืนเข้าไปในท้องแล้วว่ายน้ำหนีไป สร้างความเสียใจให้แก่มารดาและบิดาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยอำนาจบุญญาธิการของเด็กพากุละเมื่อเข้าไปอยู่ในท้องปลาก็ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด กลับนอนสบายเหมือนนอนอยู่ในห้องนอนตัวเองเสียด้วยซ้ำ ในทางกลับกันปลายักษ์ตนนั้นกลับได้มีความเดือดร้อนกระวนกระวายเที่ยวแหวกว่ายไปตามสายน้ำ จนติดตาข่ายชาวประมงที่อาศัยในนครพาราณสี สามีภรรยามหาเศรษฐีก็ได้ทำการซื้อปลายักษ์ตัวนี้ไป 

          หลังจากที่ได้ทำการเปิดท้องปลาออกมาแล้วนั้น กลับพบว่ามีเด็กน้อยนอนอยู่ภายในท้องปลา ได้เกิดความเอ็นดูรักใคร่ราวกับว่าเป็นบุตรของตนเอง จึงได้เลี้ยงดูพากุละเป็นอย่างดี จนกระทั่งข่าวของเด็กน้อยในท้องปลาได้ถูกแพร่ออกไปจนถึงเมืองโกสัมพี หลังจากที่เศรษฐีและภรรยาได้ทราบเรื่องก็รู้ทันทีว่านั่นคือบุตรชายของตน จึงรีบเดินทางไปยังเมืองพาราณสีเพื่อขอรับตัวเด็กน้อยคืน แต่เศรษฐีเมืองพาราณสีไม่ยอมคืนให้ โดยให้เหตุผลว่าเป็นผู้ซื้อปลามา และเด็กน้อยนี้ก็อยู่ในท้องปลา ดังนั้น เด็กน้อยจึงเป็นสมบัติของตนด้วยเช่นกัน เมื่อทั้งสองฝ่ายนั้นไม่สามารถที่จะทำการตกลงกันได้ ทั้งสองจึงได้ทำการถวายฎีกาต่อพระเจ้าพรหมทัตผู้มีปัญญามาก 

          ซึ่งพระองค์ได้ทรงวินิจฉัยว่าเด็กน้อยผู้นี้เป็นผู้ที่มีบุญญามาก พ่อแม่เพียง 2 คนไม่สามารถเลี้ยงดูเขาได้ จึงได้ตัดสินให้เด็กคนนี้มีบิดา 2 คน มารดา 2 คน พร้อมทั้งให้ทั้ง 2 ตระกูลนี้ได้ช่วยกันเลี้ยงดูเด็กคนนี้ โดยให้ผลัดกันเลี้ยงคราวละ 4 เดือน ซึ่งทั้ง 2 ตระกูลนี้ก็ได้ช่วยกันเลี้ยงดูเด็กน้อยเป็นอย่างดี พากุลได้เสวยสุขในทรัพย์สมบัติมาจนถึงอายุ 80 ปี เป็นเวลาเดียวกับที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาแสดงธรรมที่เมืองโกสัมพี ท่านพากุละได้เข้าไปฟังพระธรรมเทศนาของพระพุทธองค์ พอฟังจบก็เกิดการเลื่อมใสศรัทธา บรรลุเป็นพระโสดาบันในทันที จากนั้นท่านได้ทูลขอบรรพชาอุปสมบท หลังจากได้ทำการวิปัสนากรรมฐานเพียงแค่ 7 วัน ก็บรรลุพระอรหันต์ แม้ท่านพากุละจะมีอายุมากถึง 80 ปี ท่านก็ยังปฏิบัติกิจสงฆ์เป็นนิจ เช่น กวาดลานวัด ทำความสะอาดวัด ล้างห้องน้ำวัดแบบไม่เคยขาด อีกทั้งยังไม่เคยบ่นปวดหลัง

          สร้างความงุนงงสงสัยในหมู่พระสงฆ์เป็นจำนวนมาก พระอานนท์จึงกราบทูลถามพระพุทธเจ้า จึงทราบว่า เมื่อชาติก่อนพระพากุละก่อกรรมดีไว้มากมาย ท่านชอบสร้างห้องน้ำถวายวัด สร้างห้องน้ำสาธารณะให้ผู้อื่นใช้ อีกทั้งยังชอบทำความสะอาดห้องน้ำเป็นนิจ จึงส่งผลให้ท่านเสวยบุญในชาตินี้ พระพากุละดับขันธปรินิพพานด้วยวัย 160 ปี ก่อนนิพพานท่านได้เข้าเตโชสมาบัตินิพพาน ท่านกลางพระภิกษุสงฆ์ เมื่อท่านเข้านิพพานแล้ว เตโชธาตุก็บังเกิดเป็นไฟไหม้มัสรีระ ร่างกายของท่านให้หมดไป ณ ที่นั้นเอง 

     เรื่องเล่าหลวงพ่อจรัญกับอนิสงฆ์การล้างห้องน้ำวัด

          "บอกลูกหลานด้วยว่าอยากมีปัญญาดีไหม ขัดส้วม รับรองปัญญาดีทุกคน ไม่ใช่เรื่องโกหก อาตมาไปซื้อบานประตูหน้าต่างจากกำแพงเพชร ไปเจอเด็กคนนึง เจ้าของร้านบอกหลวงพ่อว่า เด็กคนนี้ไม่เอาไหนเลย สอบตกอยู่เรื่อย อยากจะเรียนหนังสือเก่ง ทำอย่างไรจะมีปัญญา หลวงพ่อก็บอกว่าให้มาบวชเณรที่นี่ ( ปัจจุบันไม่รับบวชเณร ) พอบวชแล้ว บอกเณรขัดส้วม บวชไปบวชมาก็รักความสะอาด อยู่มาได้หน่อยสึกแล้วไปเรียนหนังสือต่อ เรียนไปเรียนมากลายเป็นผู้พิพากษาสอบได้ที่ 1 เลย นี่ขัดส้วม" ยังมีอีกเรื่องเล่าจากหลวงพ่อ...

          "นานมาแล้ว คนเป็นขี้ทูดแต่ไม่รู้มาก่อนมาบวชที่วัดอัมพวัน อยู่ต่อมาก็มีอาการกำเริบจึงขอให้หลวงพ่อช่วย แล้วปรารภว่าสึกออกไปอยากได้เมียสวย หลวงพ่อแนะนำดังนี้... 1. สวดพาหุงมหากา

                    2. ทำกรรมฐาน

                    3. ขัดส้วมวัด

          2 - 3 เดือนผ่านไปขี้ทูดหาย เล็บงอกปกติ หน้าตาเกลี้ยงเกลา ลาสึกไปเรียนจนจบรามคำแหง ต่อปริญญาโทจุฬา และพบภรรยาลูกสาวเจ้าของเหมือง ( สวย รวย ตามที่ขอกับหลวงพ่อ ) ปัจจุบันเป็นรองศาสตราจารย์อยู่อเมริกา"

     อันนี้เป็นแค่เรื่องเล่าจากอดีตกาล และผู้ที่เคยได้ทำในส่วนนี้แล้ว และผมเชื่อว่าน่าจะมีอีกหลายท่านที่ได้รับประการณ์ และพลิกฟื้นชีวิตจากการสร้างบุญในครั้งนี้ ใครที่ทุกข์มาก ปัญหาหนักมาก ลองไปทำด้วยด้วยจิตที่ตั้งใจทำจริง ๆ ไม่ได้ทำเพียงเพื่อก่อให้เกิดผลบางอย่าง ท่านจะได้รับอนิสงฆ์แบบไม่น่าเชื่อเลยทีเดียวครับ


ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก thaijobsgov.com และ winnews.tv