เราต่างถูกถักทออยู่บนผืนผ้าแห่งจักรวาล

Lady Rivera Witch of Stone

เราต่างถูกถักทออยู่บนผืนผ้าแห่งจักรวาล

.

เมื่อคืนนั่งอ่านตำราเพื่อวิเคราะ เรือน 3 จากดวงครูจันทร์จ๋า 

.

ในนั้นมีดาวไปกองรวมกัน 4 ดวง เรียกว่า Stellium ดาวรุมกันอย่างเข้มข้นในเรือนนั้น 

.

อ่านไปอ่านมาค้นไปค้นมา หลับคาหนังสือกับโน๊ตบุ๊คซะงั้น

.

แต่ก่อนจะเคลิ้มหลับไปแบบไม่รู้ตัว 

.

นัทอ่านถึงตอนที่พี่โจมณฑานี เขียนข้อความนี้เอาไว้ในหนังสือ อ่านดวงชนะกรรม 

.

เป็นข้อความที่ตอบใจนัทได้กระจ่างมากถึงพลังงานของจิตและการกระทำมีผลต่อดวงชะตาและมีพลังเหนือดวงดาวด้วย

.

ตรงกับทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์ที่นัทเคยศึกษามาก่อนหน้านี้

.

กล่าวถึงอำนาจของพลังงานที่มีผลต่อมวลสสารที่ก่อรูปขึ้นมาเป็นกายภาพภายนอก

.

หลังจากตื่นขึ้นมา 

.

นัทขอคัดเอาข้อความในหนังสืออ่านดวงชนะกรรม มาให้ทุกคนที่มีความสงสัยในโหราศาสตร์สาย Karmic Astrology 

.

ได้อ่านเพื่อทำความเข้าใจได้มากขึ้น

.

............ข้อความในหนังสือมีดังนี้

สสารย่อมมีสูญสลาย นอกจากพลังงานเท่านั้นที่จะไม่สูญหาย

หากเรามองทุกสรรพสิ่งว่ามีเเต่สสารจับต้องได้  เราจะไม่มีทางเข้าใจกรรม

.

เพราะเราจะยึดติดแต่ความคิดที่ว่า ก็การกระทำ ( สสาร ) มันจบไปแล้ว ทุกอย่างย่อมจบแค่นั้นสิ 

.

เปล่าค่ะ 

.

การกระทำจบตรงนั้นจริง ..เเต่ 

.

กรรม ไม่ใช่สสาร 

.

กรรมคือ energy พลังงาน ต่างหากล่ะ

.

กฎธรรมชาติ เป็นกฎจริงแท้ นั้นคือ เมื่อการกระทำเกิดแล้ว พลังงานย่อมเกิด

.

ทุกพลังงานที่เกิด ย่อม ส่งผลกระทบ

ทุกแรงกระทำ ล้วนส่งผลกระทบ

.

ผลกระทบ หมายถึง แรงที่เรากระทำลงไป ได้ส่งผลกระทบต่อทุกสรรพสิ่งรอบตัวเราด้วย 

.

เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว มิใช่ประโยคปรัชญาสวยหรูแต่จับต้องไม่ได้  จริงๆ มันคือสัจธรรม

.

บางคนถูกสอนให้เชื่ออย่างตื้นเขินว่า กรรมส่งผลกระทบแบบปิงปอง

เธอกับฉันตีกัน - จบ

ฉันฆ่าลิง ลิงเลยอาฆาตฉัน - จบ

เลยไม่เข้าใจว่าเด็ดดอกไม้มันสะเทือนถึงดวงดาวได้ยังไง

การกระทำก่อเกิดพลังงาน และพลังงานก่อเกิดผลกระทบ และแรงที่ก่อผลกระทบ ไม่กระทบเพียงแต่เรา แต่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราด้วย

เหมือนเหวี่ยงหินใส่ผิวน้ำ หินก้อนใหญ่ยิ่งก่อวงกระเพื่อมขยายใหญ่ 

ถ้าขว้างหินก้อนเล็กนับสิบๆก้อน วงคลื่นย่อมขยายกระจัดกระจายตามแรงนั้นไป

............

ในเล่มนี้พี่โจมณฑานี ได้เอาข้อมูลจากหนังสือ ธรรมธาตุ : Element of Reality  มาขยายเพิ่มเติมว่า

..............

หนังสือนี้มิได้แต่งขึ้นใหม่ แต่เป็นการรวบรวมคำสอนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และจักรวาลของพระพุทธเจ้า ที่ได้ปรากฏในพระสูตรต่างๆนับร้อย โดย ท่านศุภญาณและคณะสังคมผาสุข

การหักเหการหมุนของโลก 

เมื่อโลกกำลังหมุนอยู่ รังสีจิตของมนุษย์บังเกิดขึ้น

อานุภาพรังสีจิตนั้นเมื่อรวมตัวกันมากมายกลายเป็นจิตสำนึกรวมของประชาชาติแล้ว 

ย่อมมีอิทธิพลหักเหแรงเหวี่ยงในการหมุนของโลกให้เบี่ยงเบนไปได้ 

ดังนี้ 

เมื่อสภาวะจิตเปลี่ยนไป รังสีจิตย่อมเปลี่ยนไป 

เมื่อรังสีจิตเปลี่ยนไป จิตสำนึกรวมของประชาชาติก็เปลี่ยนไป 

เมื่อจิตสำนึกรวมของประชาชาติเปลี่ยนไป 

การหมุนของดวงดาวก็เปลี่ยนไป

เมื่อการหมุนของดวงดาวทั้งหลายเปลี่ยนไป 

กาลเวลาต่างๆก็เปลี่ยนไป 

เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป กลไกธรรมชาติก็เปลี่ยนไป 

เมื่อกลไกธรรมชาติเปลี่ยนไป สิ่งที่บังเกิดในธรรมชาติก็เปลี่ยนไป

ดังนั้น แท้จริงแล้ว 

มนุษย์ทั้งหลายคือผู้กำหนดชะตาของดวงดาว

กำหนดชะตาของโลก 

กำหนดชะตาของสังคม 

กำหนดชะตาของตนเอง 

ด้วยรังสีจิตของตนเอง 

ด้วยการกระทำของตนเอง นั่นแล

ดังนั้นผู้ที่ต้องรับผิดชอบในทุกการกระทำและผลแห่งการกระทำ มิใช่เทพเจ้า หรือเจ้ากรรมนายเวร 

แต่คือ ตัวเราเท่านั้น

.......................

ขอบคุณจันทร์จ๋าที่อนุญาตให้เอาดวงของเธอเป็นกรณีศึกษา เพื่อประโยชน์สุขต่อสาธารณชน